เนื้อหา
ภาษาอังกฤษเป็นหนึ่งในภาษาที่ยากที่สุดในการเรียนรู้ บางคำออกเสียงเหมือนกัน แต่มีความหมายต่างกัน ในขณะที่คนอื่นมีสคริปต์เดียวกัน แต่มีการออกเสียงที่แตกต่างกัน คำสามารถเป็นคำนามในสถานการณ์หนึ่ง แต่ไม่ใช่ในอีกสถานการณ์หนึ่ง หากคุณต้องการเรียนรู้วิธีเปลี่ยนคำกริยาเป็นคำนามก็ไม่เป็นไร เปลี่ยนคำกริยาเล็กน้อยเท่านี้ก็จะถูกเปลี่ยนเป็นคำนาม
ขั้นตอนที่ 1
เพิ่มคำต่อท้ายเช่น -ade, -ance, -ant, -er, -ing, -ment หรือ -tion ให้กับคำกริยาเพื่อสร้างคำนาม คำนามต่อไปนี้ตัวอย่างเช่นมีรากฐานมาจากคำกริยา: การปิดล้อมการปรากฏตัว (จำเลย) จำเลย (จำเลย) ผู้ทักทาย (saluter) นักวิ่ง (ทางเดิน) การวาดภาพ (การจัดเรียง) การจัดเรียง (การจัดเรียง) และการสร้าง ( การสร้าง).
ขั้นตอนที่ 2
ใส่คำคุณศัพท์ก่อนคำกริยาเพื่อแปลงเป็นคำนาม ตัวอย่างเช่นหากคุณใส่คำคุณศัพท์ "long" ไว้หน้าคำกริยา "drive" คำคุณศัพท์นั้นจะกลายเป็นคำนาม เพิ่มคำว่า "ยาก" ก่อน "ทำงาน" และคุณจะมีคำนาม
ขั้นตอนที่ 3
ใส่บทความคำคุณศัพท์ที่แสดงความเป็นเจ้าของหรือการสาธิตก่อนคำกริยาบางคำ ตัวอย่างเช่นคำที่สองในนิพจน์ต่อไปนี้เป็นคำนามไม่ใช่คำกริยา: "the jump", "a swim", "his run", "that exercise", "that exercise" (that การออกกำลังกาย) และ "การเดินป่าเหล่านั้น"
ขั้นตอนที่ 4
เปลี่ยนพยางค์ที่เน้นของคำกริยาบางคำให้กลายเป็นคำนาม ตัวอย่างเช่นในคำขัดแย้ง (ความขัดแย้ง) ทะเลทราย (ทะเลทราย) เพิ่มขึ้น (เพิ่มขึ้น) อนุญาต (อนุญาต) และปัจจุบัน (ปัจจุบัน) หากพยางค์ที่เน้นเป็นคำแรกแทนที่จะเป็นคำที่สองคำนั้นจะไม่เป็นคำกริยาอีกต่อไปและ จะกลายเป็นคำนาม