เนื้อหา
- ดัชนีมวลกาย
- การคำนวณดัชนีมวลกาย
- การออกกำลังกายเพื่อลดค่าดัชนีมวลกาย
- ออกกำลังกายเพื่อเพิ่มค่าดัชนีมวลกาย
- ข้อควรพิจารณาอื่น ๆ
หากคุณรู้ส่วนสูงและน้ำหนักคุณสามารถดูดัชนีมวลกายของคุณ (BMI) ซึ่งเป็นตัวชี้วัดสุขภาพและน้ำหนักในอุดมคติ หากอยู่เหนือหรือต่ำกว่าอุดมคติคุณสามารถออกกำลังกายเพื่อเปลี่ยนได้
ความสูงและน้ำหนักถูกใช้เพื่อกำหนดดัชนีมวลกาย (BMI) (Goodshoot / Goodshoot / Getty Images)
ดัชนีมวลกาย
ค่าดัชนีมวลกายมีการใช้กันอย่างแพร่หลายแม้ว่าจะมีข้อโต้แย้งเกี่ยวกับเรื่องนี้ว่าเป็นการวัดน้ำหนักที่ดีที่สุด โดยทั่วไปทั้งชายและหญิงที่มีค่าดัชนีมวลกายต่ำกว่า 18 มีน้ำหนักน้อยกว่าและน้ำหนักปกติอยู่ระหว่าง 18.5 และ 24.9 จากข้อมูลของ National Heart, Lung and Blood Institute, ดัชนีมวลกายที่ 25 ถึง 29.9 นั้นมีน้ำหนักเกินและการอ่านที่สูงกว่า 30 หมายถึง ความอ้วน
การคำนวณดัชนีมวลกาย
ในการคำนวณค่าดัชนีมวลกายคุณควรทราบความสูงและน้ำหนักของคุณ จากนั้นดูในตาราง คุณยังสามารถไปที่เว็บไซต์ National Heart, Lung และ Blood Institute และใช้เครื่องคิดเลข IMC ตัวอย่างเช่นผู้ใหญ่ที่ 1.70 ม. และ 68 กก. มีค่าดัชนีมวลกายเท่ากับ 23.5 ทำให้เขาอยู่ในช่วงน้ำหนักปกติ
การออกกำลังกายเพื่อลดค่าดัชนีมวลกาย
เพื่อลดค่าดัชนีมวลกายลดมวลไขมันในร่างกายของคุณ การออกกำลังกายแบบแอโรบิคที่เคลื่อนไหวกลุ่มกล้ามเนื้อขนาดใหญ่เหมาะอย่างยิ่ง ตัวอย่างการเดินวิ่งขี่จักรยานว่ายน้ำเต้นรำและโรลเลอร์เบลดเป็นเพียงตัวอย่างเล็ก ๆ น้อย ๆ
แอโรบิกออกกำลังกายอาจลดค่าดัชนีมวลกาย (รูปภาพโดย Flickr.com มารยาทของ David Carroll)
ออกกำลังกายเพื่อเพิ่มค่าดัชนีมวลกาย
ในการเพิ่มค่าดัชนีมวลกายคุณต้องเพิ่มกล้ามเนื้อ การออกกำลังกายด้วยน้ำหนัก, พิลาเต้, โยคะ, โปรแกรมการฝึกอบรมและวงจรน้ำหนักเป็นประเภทของการออกกำลังกายที่สามารถสร้างมวลกล้ามเนื้อได้อย่างมีประสิทธิภาพ
ข้อควรพิจารณาอื่น ๆ
ดัชนีมวลกายไม่ได้คำนึงถึงประเภทของมวลกาย ตามตารางค่าดัชนีมวลกายบุคคลที่มีรูปร่างดีและมีมวลกล้ามเนื้ออาจได้รับการพิจารณาว่ามีน้ำหนักเกิน ร้อยละของไขมันในร่างกาย, อายุ, แรงจูงใจ, ราคาและอื่น ๆ เป็นปัจจัยอื่นที่คุณต้องคำนึงถึงเมื่อออกแบบโปรแกรมการฝึก นอกจากนี้การให้อาหารเป็นส่วนสำคัญในการเปลี่ยนแปลงค่าดัชนีมวลกาย